Pixwords Raspunsuri 94 answers Pixwords 2 litere Pixwords 5 litere Pixwords 8 litere Pixwords 13 letters Pixwords 16 letters
สะพายกล้องท่องเที่ยว : Travel Photography - Way of Backpacker
Home / How to / สะพายกล้องท่องเที่ยว : Travel Photography
สะพายกล้องท่องเที่ยว : Travel Photography

สะพายกล้องท่องเที่ยว : Travel Photography

การท่องเที่ยวกับการถ่ายภาพ (Travel Photography) เป็นของคู่กันของนักท่องเที่ยวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ทุกคนต้องมีกล้องถ่ายภาพติดตัวไปเที่ยวด้วยเสมอ ยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ไม่ได้จำกัดแค่ในอุปกรณ์ราคาแพงอีกต่อไปแล้ว รูปแบบของกล้องถ่ายภาพนั้นแยกย่อยออกมาเยอะมาก เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งาน มาดูกันดีกว่ามีอะไรบ้าง


จะมีกล้องถ่ายภาพสักตัวเพื่อเอาไปเที่ยวด้วย เรื่องแรกที่ต้องคิดก่อนเลยคือ อยากได้กล้องแบบไหน เพราะในท้องตลาดมีให้เลือกเยอะจนเลือกไม่ถูก มีหลายระดับราคา หลายระดับการใช้งาน ตั้งแต่มือสมัครเล่น จนไปถึงกล้องสำหรับมืออาชีพ แล้วเราล่ะเหมาะกับกล้องแบบไหน

 





กล้องคอมแพ็ค (Compact Camera) ทุกคนคงรู้จักกล้องชนิดนี้อยู่แล้ว ด้วยขนาดเล็ก พกพาง่าย และราคาถูก คุณภาพของเลนส์ก็อยู่ระดับใช้งานได้ทั่วไป แต่ทุกวันนี้แทบจะหาที่ยืนยากขึ้นทุกที เพราะ นับวันกล้องติดมือถือ smartphone รุ่นใหม่ ๆ นั้นให้คุณภาพของภาพที่ดี ถึงดีมากและมีความคล่องตัวกว่า โดยเฉพาะในยุค social network นี้ใคร ๆ ก็มี smartphone กันทุกคน  ผมเองถึงก็มีกล้องคอมแพ็คใช้อยู่ตัวนึง แต่กล้องที่ใช้บ่อยสุดกลับเป็นกล้องจาก iPhone จะเรียกว่าเป็นกล้องในชีวิตประจำวันไปซะแล้ว  เพราะแชะแล้ว share เลย

กล้อง DSLR หรือที่เราเรียกกล้องใหญ่กันติดปาก ก็มีตั้งแต่รุ่นเล็ก ๆ ระดับมือใหม่ ไล่ไปจนถึงกล้องราคาเป็นแสนสำหรับมืออาชีพหรือผู้ที่จริงจังกับการถ่ายภาพ แต่ไม่ว่าจะรุ่นถูกหรือรุ่นแพง ก็ให้คุณภาพที่ดีกว่ากล้องคอมแพ็คและกล้องมือถือมาก แต่ยังมีราคาที่สูง ขนาดและน้ำหนักที่มาก ยิ่งถ้าซื้อเลนส์หรืออุปกรณ์เสริมเพิ่มไปอีก การพกพาไปเที่ยวก็จะไม่สะดวกนัก ซ้ำจะเป็นภาระซะมากกว่า เมื่อก่อนผมก็แบกกล้องใหญ่ไปเที่ยว บอกตรง ๆ ว่าเหนื่อยและหนักมาก



 

กล้อง Mirrorless  กล้องประเภทนี้มาแรงมากในยุคนี้ เอาข้อดีของกล้องคอมแพ็ค และ DSLR มารวมกัน คือมีขนาดเล็กแบบกล้องคอมแพ็ค แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากล้องใหญ่และเปลี่ยนเลนส์ได้ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับพกพาไปเที่ยวด้วย เพราะได้ทั้งคุณภาพและความคล่องตัว แม้จะมีเลนส์งอกตามมาแต่ก็มีขนาดเล็ก กระเป๋ากล้องก็เล็กตามไปด้วยน้ำหนักจึงไม่มากเท่ากล้องใหญ่ mirrorless รุ่นใหม่ ๆ ยังมี wi-fi ในตัวด้วย ถูกใจคอ social เลยล่ะครับ ถ่ายปุ้บแชร์ปั้บ

 

 

เติมพลังให้กับกล้องติดมือถือ 

กล้องติดมือถือรุ่นใหม่ ๆ มีการพัฒนา feature กล้องถ่ายรูปไปไกลมาก ทั้งความคมชัด และจำนวนความละเอียด (pixel) ระบบการโฟกัสที่แม่นยำขึ้น การถ่ายมาโครที่ชัด และเลนส์มีความสว่าง (f/stop) แถมด้วยระบบ touch focus ที่ใช้ง่าย มีพิกัด GPS ด้วย มีแอปพริเคชั่นแต่งภาพให้เลือกหลากหลาย เหล่านี้จึงทำให้กล้องคอมแพ็คในตลาดถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ แต่กล้องมือถือก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่คือ แบตเตอรี่หมดไวมากเพราะใช้พลังงานเยอะ แป้บ ๆ แบตหมดละ จึงจำเป็นต้องพกแบตเตอรี่สำรอง (power bank) ติดตัวไปด้วยเสมอ แถมเดี๋ยวนี้ยังมีผู้ผลิตเลนส์เสริม ที่เรียกว่า 3 in 1 lens ที่มีชุดเลนส์ wide , macro , fisheye  ออกมาขาย ทั้งยี่ห้อคุณภาพดี จนถึงพอใช้ ออกมามากมาย ยิ่งทำให้การถ่ายรูปท่องเที่ยวด้วยมือถือสนุกมากขึ้น





ข้อแนะนำสำหรับการถ่ายภาพท่องเที่ยว

  • เตรียมแบตเตอรี่สำรอง และแท่นชาร์ต พร้อมหัวแปลงปลั้กไฟถ้าต้องไปเที่ยวต่างประเทศ ถ้าไปเที่ยวในเมือง นอนโรงแรมคงไม่มีปัญหา เพราะมีไฟฟ้าใช้ แต่ถ้าเข้าพงเข้าป่านอนเต้นท์นี่สิ จะเอาไฟฟ้าที่ไหนมาชาร์ตแบตกล้องล่ะ ทางที่ดีควรดูแผนเดินทางให้แน่ใจก่อนจัดกระเป๋ากล้อง ว่าที่ที่เราจะไปค้างนั้นมีไฟฟ้าให้ใช้มั้ย แบตที่มีเพียงพอสำหรับจำนวนวันใช้งานรึเปล่า โดยเฉลี่ย แบต 1 จะถ่ายรูปได้ประมาณ 200-400 รูป ขึ้นอยู่กับรุ่นและความจุ  คงเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าแบตหมดในตอนที่เจอแสงสวย ๆ วิวงาม ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งมอง
  • แสงเช้า และช่วงบ่ายแก่ ๆ  คือช่วงที่เหมาะที่สุดกับการถ่ายรูป ไปเที่ยวทั้งทีควรตื่นมารับแสงแรกของวัน ซึ่งได้ทั้งอากาศที่สดชื่นเย็นสบาย โชคดีอาจได้เจอทะเลหมอก และดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้า และอีกช่วงที่น่าจดจำคือ แสงสุดท้ายขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้าไป
  • อย่าลืมรายละเอียด ไม่ว่าจะถ่ายรูปจากที่ไหน อย่าลืมใส่ใจในรายละเอียดของสถานที่นั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมือง อาคาร หน้าต่าง สถาปัตยกรรม ลวดลายและสีสัน เพราะแต่ละที่ แต่ละเมือง ย่อมแตกต่างต่างอย่างมีเอกลักษณ์
  • คัดภาพที่ดีที่สุดเก็บไว้ ผมเชื่อว่าไม่มีใครถ่ายภาพเพียงแค่ช้อตเดียวแล้วพอ อย่างน้อย ๆ ต้องมีสัก 10 กันเหนียวไว้ แล้วค่อยมาคัดเอาภาพที่จังหวะดีที่สุดเก็บไว้ แล้วลบภาพที่เหลือทิ้งไป คราวนี้ในเมมโมรี่การ์ดของเราก็จะมีแต่ภาพที่ดีที่สุดที่เราคัดเลือกมาแล้ว แถมยังมีเนื้อเมมโมรี่ที่เหลืออยู่อีกเยอะด้วย
  • ถ่ายคน การถ่ายภาพนิ่งบุคคล (portrait) ให้มีพลัง ต้องโฟกัสที่ ‘ดวงตา’ ดังคำพูดที่ว่า ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ ดวงตาบอกเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าการถ่ายภาพทิวทัศน์เป็นไหนไหน และสำหรับการถ่ายภาพคนในสถานที่ท่องเที่ยว ผมต้องใส่ ‘คน’ ลงในภาพด้วย เพื่อให้ภาพนั้นมีชีวิต บอกเล่าเรื่องราวแทนคำพูดได้มากมาย ในขณะที่ตากล้องหลาย ๆ คนยอมรอที่จะให้ ‘คน’ เดินพ้นไปจากเฟรมตัวเอง
  • ถ้าจริงจังกับการถ่ายภาพ ควรถ่ายด้วย RAW file เพื่อเอาไปปรับแต่งภาพได้อีกมากตามต้องการ แต่ต้องยอมเสียพื้นที่ในเมมโมรีการ์ดมากขึ้น รวมถึงใน hard disk  ส่วนตัวผมนิยมถ่ายด้วย JPEG file มากกว่า เพราะนอกจากจะประหยัดเนื้อที่ในการ์ดแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ด้วย ที่สำคัญประหยัดเวลาในการทำรูปไปเยอะ ไม่ต้องแปลง file ภาพจาก RAW > JPEG อีกทอด
  • หากพักโรงแรม หรือเข้าร้านอาหาร ให้จองห้อง หรือโต้ะที่ได้วิวดี ข้อนี้ต้องขยันหาข้อมูลกันหน่อยจากรีวิวโรงแรมและร้านอาหารที่เราคิดไว้จาก www.tripadvisor.com หรือ www.loneyplanet.com หรือสอบถามจากพนักงานที่เคาเตอร์ก็ได้
  • หิ้วกระเป๋ากล้องขึ้นเครื่องบิน อย่าใช้วิธีโหลด ถ้าไม่หายก็พังมีแค่นั้น  ส่วนขาตั้งกล้องขนาดใหญ่ให้ใส่กระเป๋าแล้วโหลด
  • ซื้อประกันเดินทางไว้ด้วย ดูว่ามีครอบคลุมถึงเรื่องความเสียหายกับอุปกรณ์ถ่ายภาพ หรือการโดนปล้น ขโมยฉกชิงวิ่งราวมั้ย

ขอให้สนุกกับการเดินทาง และได้ภาพสวยสวยกลับมาเยอะเยอะนะครับ