ก่อนจะบิน : Travel by Air

ทุกวันนี้การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นเรื่องที่ง่าย รวดเร็ว ปลอดภัยและประหยัดกว่าเมื่อก่อนเยอะ เพราะในขณะที่การขนส่งภาคพื้นดินอย่าง รถไฟ รถทัวร์ในบ้านเรายังคงเป็นระบบผูกขาด และสัปทานอยู่ไม่เปลี่ยน ขาดการแข่งขันในเรื่องการบริการ การพัฒนาให้ทันสมัยจึงไม่เกิด ซ้ำยังล้าหลังโดยเฉพาะการขนส่งระบบราง ต่างจากการเดินทางทางอากาศที่มีการแข่งขันกันเต็มที่ ทั้งราคาค่าโดยสาร เส้นทางและเวลาบิน ผลดีจึงเกิดกับผู้โดยสารอย่างเราเต็ม ๆ ที่ได้บินในราคาที่ถูกลง ปลอดภัยขึ้น และมีตัวเลือกมากขึ้น การเตรียมตัวบิน ไม่ว่าจะในประเทศ หรือ ต่างประเทศนั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก



ก่อนที่จะบินเราต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ไปดูกันครับ

 

 

1. จัดการกับสัมภาระในกระเป๋า  ทุกสายการบินมีกฎการนำกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง (Carry-On) โดยระบุขนาด และน้ำหนักที่สามารถนำติดตัวขึ้นไปวางบนช่องเก็บของเหนือศีรษะได้อย่างชัดเจน บางสายการบินจะมีตาชั่ง หรือ บล็อกสำหรับให้ชั่ง หรือใส่กระเป๋าลงไป ถ้าผ่านก็หิ้วขึ้นเครื่องได้ นอกจากขนาดของกระเป๋าแล้ว ยังมีเรื่องของของใช้บางอย่างที่ ‘ห้าม’ นำติดตัวขึ้นไปบนห้องโดยสาร ซึ่งเป็นกฎเรื่องความปลอดภัย อาทิ ของมีคมต่าง ๆ กรรไกรตัดเล็บ มีดพับ ของเหลวที่มีความจุ 100 cc. ขึ้นไปก็ห้าม เหล่านี้ต้องเช็คอินโหลดเท่านั้น

2. เช็คให้แน่ใจว่าเอกสารการเดินทางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น วีซ่า พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน ใบจองที่พัก ที่จำเป็นต้องใช้ เก็บไว้ในกระเป๋าถือเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ไปเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง เพราะเกิดโชคไม่ดีกระเป๋าเดินทางหาย หรือมาถึงช้ากว่าที่ควรจะลำบาก และอย่าลืมทำสำเนาแยกเก็บไว้กับฉบับจริงต่างหากด้วย

3. เช็คอินล่วงหน้าทางออนไลด์  (Web Check in) สำหรับใครที่ไม่มีสัมภาระต้องโหลด วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลามากเพราะไม่ต้องไปเข้าแถวเช็คอินที่เคาเตอร์ แต่สำหรับใครที่ต้องโหลดกระเป๋า ต่อให้ทำเวปเช็คอินมาแล้วก็ต้องไปเข้าแถวเพื่อโหลดกระเป๋าอยู่ดี เผื่อเวลาไว้ด้วยนะ

4. แต่งกายยังไงให้เหมาะสม จริงอยู่ว่าไม่มีกฎข้อห้ามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะใส่ขาสั้น รองเท้าแตะก็สามารถทำได้ แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสมก็ควรแต่งกายที่สบายแต่ดูสุภาพไว้เป็นดี เพราะกว่าที่เราจะได้ไปอยู่บนเครื่องบิน ต้องผ่านด่านเยอะทั้ง ด่านตรวจหนังสือเดินทาง ด่านเอ็กซเรย์รักษาความปลอดภัย จนไปถึงเกตแล้วสบายแต่ดูสุภาพ มันเป็นยังไง ???

• ถ้าต้องบินบินยาวเกิน 6 ชั่วโมง ควรใส่ชุดสวมสบายไม่รัดตรึง  ลองใช้เสื้อยืด กางเกงยืด หรือกางเกงวอร์มจะเหมาะที่สุด ส่วนกางเกงยีนส์จะค่อนข้างแข็งและรัด นั่งนานๆ เข้าจะอึดอัด ตัวจะบวมเพราะแรงดันอากาศ
• หลีกเลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์ที่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตเพราะคุณจะมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังตลอดเวลาที่ขยับตัว
• ติดเสื้อแจ็กเก็ตบางๆ ไปด้วยเพราะอากาศบนเครื่องบินค่อนข้างจะเย็น
• เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็ก พร้อมเครื่องใช้ส่วนตัว ไว้ล้างหน้าตาก่อนเครื่องลง

5. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง สายการบินส่วนใหญ่อนุญาติให้นำกระเป๋าติดตัวถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 1 หรือ 2 ใบขึ้นกับระเบียบของสายการบินนั้น ซึ่งรวมถึงของใช้ส่วนตัวด้วย อาทิ ยาประจำตัว หนังสือ เครื่องเล่นเพลง และของใช้จุกจิกที่จำเป็น ขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มบรรจุขวด  ขอให้ใช้กระเป๋าหิ้วที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไปที่จะเก็บในช่องเหนือศีรษะเป็นใช้ได้

• ติดหมอนเป่าลม หรือหมอนสูญญากาศ ไว้รองคอไปด้วย สำหรับการบินที่นาน ๆ หลายชั่วโมง การนอนหลับบนเครื่องบินเป็นเรื่องที่ไม่สบายซะเลยโดยเฉพาะถ้าโดยสารในชั้นประหยัด สายการบินส่วนใหญ่จะไม่มีแจกหมอนให้แน่ จะมีก็แต่ผ้าห่ม ทางที่ดีควรมีไว้เป็นของตัวเอง เพื่ออนามัยส่วนบุคคล เพราะเราไม่รู้ว่าของที่ทางสายการบินมีไว้บริการนั้นสะอาดแค่ไหน

6. เรื่องสุขภาพระหว่างบินก็สำคัญ

•  การเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้หายจากหูอื้อได้

 

 

• ที่อุดหู (ear plugs) กับ ที่ปิดตา (eye pad) ป้องกันเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ เสียงกรน เสียงเด็กงอแง และแสงสว่างรบกวนเวลานอน
  อันนี้จำเป็นอย่างยิ่ง
• หากเป็นคนที่เมาเรือ เมารถ เมาเครื่องบินง่าย ก็ควรพกยาแก้เมาติดไปด้วย
• ถ้าต้องบินในช่วงเวลากลางคืน ‘ต้องนอน !!’ ถึงแม้ว่ายังอยากกิน อยากดูหนังในตอนนั้น อย่าลืมว่าเมื่อเราไปถึงปลายทางตอนเช้าโดยที่พักผ่อนไม่พอ อาการ jet lag จะถามหา และนั่นอาจทำให้การเที่ยวหมดสนุกไปเลย
• ติดของกิน ของขบเคี้ยว น้ำดื่มไปด้วย อาหารเบา ๆ อย่างแซนวิช คุกกี้ เพราะบนเครื่องราคาจะแพงกว่าเยอะเลย น้ำดื่มที่ซื้อในร้านค้า duty free
  สามารถนำขึ้นเครื่องได้
• บนเครื่องบินความชื้นจะน้อย ทำให้ผิวแห้ง แนะนำให้พกโลชั่น (ขนาดเล็กสุด) และลิปมันใส่กระเป๋าไปด้วย และจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในกับผิวและรักษาอุณหภูมิร่างกาย หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดทานของเค็มเพราะจะยิ่งกระหายน้ำมากกว่าเดิม
• หลีกเลี่ยงอาหารเค็มก่อนการเดินทาง และในระหว่างเดินทาง เพราะเกลือจะช่วยอุ้มน้ำในหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดอาการบวมได้ง่าย
• ให้พยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลุกเดินเท่าที่จะทำได้

คำแนะนำอื่น ๆ

• เผื่อเวลาให้มาถึงสนามบินก่อน 2 -3 ชั่วโมง เพราะแต่ละขั้นตอนก่อนจะไปถึงเกต ใช้เวลาไม่น้อยเลย ตั้งแต่เช็คอิน สแกนกระเป๋า เข้าแถวตรวจหนังสือเดินทาง และเดินไปที่ gate  ซึ่งบาง gate อยู่คนละ terminal ด้วย

 

 

• พกขวดเปล่าติดกระเป๋าถือไปด้วย แล้วไปเติมน้ำที่ก็อกน้ำดื่มหลังจากผ่านด่านตรวจมาแล้ว จะได้ไม่ต้องไปซื้อบนเครื่องบิน
• ก่อนออกจากบ้าน ให้เช็คสภาพอากาศที่ปลายทางก่อน ว่ามีฝน หิมะ ลมหนาว หรือร้อน  จะได้เตรียมเสื้อผ้าใส่ขึ้นเครื่องได้ถูก
• อย่าลืม ปากกาและเครื่องเขียน ไว้กรอกใบเข้าเมืองที่แจกบนเครื่องบิน
• อย่าฉีดน้ำหอม โคโลญ หรือใช้สเปร์ฉีดผมมากเกินไป เพราะกลิ่นที่เราคิดว่าหอมนี้อาจทำให้คนอื่น ๆ ที่นั่งข้าง ๆ ปวดหัว หรือไม่สบายก็เป็นได้
• สำหรับคุณสาว ๆ ควรติดเครื่องสำอางค์ไว้บ้างในกระเป๋าถือ เผื่อต้องมีธุระต่อทันทีที่ลงจากเครื่อง เดี๋ยวจะไม่มีเวลามาแต่งหน้า

สิ่งที่ ‘ไม่ควรทำ’ อันนี้สำคัญ

• ห้ามคุยหรือล้อเล่นกันด้วยเรื่องปืน หรืออาวุธ โจรสลัด (hijacking) หรือเรื่องการก่อการร้าย เรื่องเหล่านี้มันอ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้คน และเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง ฝ่ายรักษาความปลอดภัยมีสิทธิ์ที่จะเชิญตัวผู้พูดลงจากเครื่องได้ทันที และอาจติดบัญชีดำ (blacklist) ด้วยข้อหาก่อความไม่สงบ
• เครื่องบินจะล่าช้าก็เพราะผู้โดยสารเป็นเหตุ เมื่อขึ้นบนเครื่องแล้ว ของอะไรที่จะต้องใช้ก็เอาออกมา แล้วรีบจัดการเก็บกระเป๋าเข้าช่องเหนือศีรษะให้เรียบร้อย นั่งประจำที่แล้วคาดเข็ดขัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวก พร้อมจะขึ้นบินได้
• จงให้เกียรติแก่พนักงานผู้ให้บริการบนเครื่องบิน ทั้งแอร์โฮสเตส และสจ๊วต พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่เสริฟอาหารให้เราเท่านั้น แต่หน้าที่หลักคือ การดูแลช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก ให้ผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ตามกฎการบินนานาชาติผู้โดยสารต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของลูกเรืออย่างเคร่งครัด