ปีนัง
อาจจะเป็นผู้เล่าเรื่องที่อวดดีเกินไปนิดหน่อย ที่จะบอกว่า เราไปปีนังในสมัยที่คนส่วนใหญ่ยังรู้จักคุ้นชื่อเมืองนี้ว่าเป็นตลาดขายที่นอนแถวคลองเตย
จริงๆแล้วถึงจะอวดดี แต่เราเองก็รู้จักปีนังผ่านทางภาพถ่ายของเจ้าของร้านหนังสือคนหนึ่ง ภาพที่จัดวางองค์ประกอบไว้อย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่ทราบได้ มีแก้วกาแฟสีขาวกรุ่นด้วยอเมริกาโน่วางบนโต๊ะทรงกลมซึ่งจัดวางอยู่ในภาพเพียงเสี้ยวโค้งของขอบโต๊ะ องค์ประกอบถัดไปเป็นแถวเรียงรายของจักรยานแม่บ้านที่หลุดโฟกัสอาจตั้งใจเพื่อให้เป็นพื้นหลังเบลอๆ ทั้งหมดมองเห็นเพียงแว่บเดียว สมองก็สั่งให้อ่านคำบรรยาย “กาแฟเช้าที่ Love Lane”
Love Lane คือที่ไหน ตั้งคำถามทดไว้ในใจแล้วถือวิสาสะกดอ่าน comment ใต้ภาพ
“คิดถึง Love Lane”
“อยากไปอีก อากาศดีไหมคะ”
“โหยชิวจังพี่ น่าอิจฉา”
สุดท้ายเราผู้ที่ไม่ได้สนิทอะไรกับเจ้าของร้านหนังสือ แม้จะรื้ออ่าน comment จนครบ ก็ยังหาทางไป Love Lane ไม่ได้สักที
นึกขึ้นได้ กดดูตรง Check-in ซึ่งจะแสดงแผนที่ออกมา แม้จะไม่ได้เก่งแผนที่ขนาดนั้นแต่ก็ดูรู้ได้ว่า นี่แหละประเทศมาเลเซีย นี่แหละ ปีนัง
ไม่ช้าหรอกสำหรับหัวใจของความอยากรู้ ไม่มีการรอคอยสำหรับข้อมูลที่รอเราอยู่ในจอสี่เหลี่ยม
จากรูปถ่ายที่เห็นเพียงใบเดียว กลายเป็นตั๋วรถทัวร์ เป็นการจองสัญญาใจกับคิวรถตู้ เป็นใบจองโรงแรม เป็นการวางแผนเที่ยว เป็นการวางแผนการเงิน
หากจะเรียกด้วยนิยามที่สวยหรู คงยกให้ภาพถ่ายที่เห็นวันนั้นว่า “แรงบันดาลใจ”
แต่จะได้ประโยชน์อะไรถ้าเราไม่มีแรงกล้าขับดันให้เกิดการตัดสินใจ
บางทีผลกระทบเล็กๆเหล่านี้ เราต่างคาดไม่ถึง จากรูปถ่ายกลายเป็นการเดินทาง
จากองค์ประกอบภาพของใครสักคนกลายเป็นประสบการณ์ล้ำค่าของใครอีกคน
ทุกวันนี้ปีนังกลายเป็นที่รู้จักดีเสียแล้ว นักเล่าเรื่องที่เชื่องช้าอย่างเรา คงตามใครที่รีบกลับมาเล่าได้ไม่ทัน
แต่หากได้หวังว่าเผื่อใครผ่านมาเห็นแล้วมีความคิดอยากเดินทางเหมือนอย่างที่เคยเป็นได้ คงดีไม่น้อย
ไม่น้อย ไม่มาก
ว่าแต่คุณจะรับ “กาแฟเช้าที่ Love Lane” สักแก้วไหมล่ะ