เป็นโอกาสที่ดีในชีวิต ที่ได้เดินทางเปิดโลกมาได้ไกลขนาดนี้ ‘ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ทวีปอเมริกาใต้’ โดย Heineken Beer ในโกลบอลแคมเปญที่ชื่อ ‘Heineken Open Your World’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
เริ่มจากการนั่งเครื่อง 26 ชั่วโมงจากสุวรรณภูมิเป็นอะไรที่ทรหดมาก ยังดีที่ได้แวะเปลี่ยนเครื่องให้เราได้ยืดเส้นยืดสายกันบ้าง การเดินทางข้ามผ่านไทม์โซนที่ต่างกันขนาดนี้ ทำให้นาฬิการ่างกายรวนไปบ้าง ด้วยเวลาที่บราซิลเดินช้ากว่าบ้านเรา 10 ชั่วโมง ทำให้วันแรกที่มาถึงต้องใช้เวลานอนให้เต็มที่ รอคนอื่น ๆ ในทีมที่กำลังเดินทางมาสมทบ โดยทางไฮเนเก้นได้จัดให้เราพักกันที่โรงแรม Hotel Santa Teresa โรงแรม 5 ดาวในริโอ เดอ จาเนโร
ทีมของผมมีทั้งหมด 7 คน คือคนไทย 2, อิตาลี 2, ชิลี 2 และ แคนาดา 1 (เราบินมาไกลที่สุดละ 26 ชั่วโมง อิตาลีกะแคนาดาบินมา 13 ชั่วโมง ชีลิใช้เวลา 4 ชั่วโมง) เมื่อเจอกันครบ การสื่อสารต่างภาษากลายเป็นเรื่องสนุกทันที เพราะ คู่อิตาลีและคู่ชิลี ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ แต่คุยสเปนกันรู้เรื่อง เราคนไทยกับแคนาดาพูดได้แต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ส่วนไกด์น่ะรึคุยได้ 5 ภาษายกเว้นภาษาไทย
พอปรับตัวกับเวลาที่นี่ได้ละ ก็เริ่มกิจกรรมที่ทาง Heineken สปอนเซอร์หลักของเราเตรียมไว้ให้ในแต่ละวัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไฮเนเก้นจัดกิจกรรมนี้ พวกเราใช้เวลาเต็มที่ ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืนทุกวัน กินเที่ยวแบบ non-stop จริง ๆ โดยมีไฮเนเก้นเสริฟทุกมื้อทั้งวัน เรียกว่าหิวน้ำปุ้บก็เปิดเบียร์ดื่มเลย
ทีมของเราดูแลโดยทีมไกด์มาเฟีย ผมเรียกอย่างนั้น เพราะแกไปไหนทุกคนรู้จัก พาเข้าได้ทุกที่ ไม่ต้องต่อคิวใดใด มีอะไรไกด์เคลียร์ให้
ช่วงกลางวันเป็นกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ ไปเที่ยวตามแลนด์มาร์คต่าง ๆ ในเมืองริโอ เดอ เจเนโร เช่นพาไปปั่นจักรยานรอบหาด โคปาคาบาน่า (Copacabana) จนถึงหาดอิปานีมา (Ipanema), ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปชมวิวบนยอดเขา ชูการ์โลฟ (Sugar Loaf), นั่งรถรางขึ้นไปชมอนุสาวรีย์พระเยซู (Christo Redentor) ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่, ไปมินิเทรคกิ้งที่อุทยานแห่งชาติทิจูคา (Tijuca National Park), นั่งรถจี้ปไปเที่ยวชุมชนแออัด ฟาเวลา (Jeeptour to Favela), เดินดูงานศิลป์ที่ขั้นบันไดลาปา (Lapa Steps), เดินเที่ยวชมตลาดฮิบปี้ (Hippie market) และอีกหลายที่
ตกค่ำแต่งตัวไปเที่ยวผับดัง ๆ ภัตราคารหรู ๆ ของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Rio Scenarium, Fogo de Chao, Mr.Lam เป็นอย่างนี้ทุกวันทุกคืนไม่ซ้ำที่
จนวันสุดท้ายที่ได้เวลาร่ำลาแยกย้ายกันกลับประเทศตัวเอง ทุกวันนี้เรายังติดต่อกันอยู่ผ่านทางโซเชียล 🙂